ปัจจุบันมีอุปกรณ์สื่อสาร ที่ใช้สำหรับเปิดดูอินเทอร์เน็ต เพิ่มขึ้นหลายชนิด เช่น Tablet, มือถือ, คอมพ์พิวเตอร์, โนตบุคส์ และอีกมากมาย ซึ่งมีขนาดหน้าจอแตกต่างกันไปตามรูปแบบของอุปกรณ์
ถึงแม้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ จะสามารถเปิดดูหน้าเว็บบนอินเทอร์เน็ตได้ แต่เนื่องจากสมัยก่อน การออกแบบเว็บนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อดูผลในหน้าจอ PC หรือ Notebook เท่านั้น ซึ่งในอดีต หน้าจอคอมพ์ที่เราใช้อยู่ก็มักจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตตุรัส และทำให้การออกแบบหน้าเว็บ มักจะถูกออกแบบมาที่ขนาดไม่เกิน 1024 pixel และเป็นดีไซน์ที่ถูก "fixed" (ปรับเปลี่ยนขนาดไม่ได้เลย)
(หน้าจอเว็บแบบสมัยก่อนที่ออกแบบสำหรับจอคอมพ์สี่เหลี่ยม ทำให้ ณ. ปัจจุบัน เมื่อเปิดดูด้วยคอมพ์พิวเตอร์จอ wide-screen เหลือพื้นที่ว่างมากมาย)
ไม่ว่าจะเปิดด้วยอุปกรณ์ใดก็ตาม ก็ไม่ปรับเปลี่ยนขนาดให้เหมาะสม ทำให้การใช้งานในมือถือต้องซูมเข้า-ออกตลอดเวลา
ทำให้เมื่อเปิดดูเว็บ ในอุปกรณ์มือถือ หรืออุปกรณ์จำพวก Tablet ก็ทำให้หน้าเว็บนั้น ๆ มีขนาดที่ไม่พอเหมาะในการอ่าน และต้อง "ซูม" เข้า-ออก เพื่อดูรายละเอียดในบางจุดให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งทำให้การใช้ดูข้อมูลเว็บในมือถือ หรือ Tablet ขนาดเล็ก ทำได้ลำบากกว่าการใช้งานบน PC หรือ Notebook
Responsive Web Design คือการออกแบบหน้าเว็บ เพื่อแก้ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น
โดยหลักการทำงานของดีไซน์นี้ ก็คือ การปรับเปลี่ยนขนาดของเนื้อหาให้เหมาะสมกับขนาดหน้าจอที่เปลี่ยนไป
เช่น เมื่อมีหน้าจอที่ใหญ่ (แบบจอ wide-screen บน PC หรือ Notebook) ระบบก็แสดงเนื้อหาให้ใหญ่ และกว้าง เพื่อการดูเนื้อหาที่ดูเต็มตาและใช้เนื้อที่อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้หน้าเว็บไม่ดูโล่ง ๆ (เพราะดีไซน์แบบเก่ามักจะออกแบบที่ขนาดสำหรับจอสี่เหลี่ยม ทำให้เมื่อดูผลในหน้าจอ wide-screen จึงเหลือพื้นที่ด้านข้างโล่ง ๆ เยอะ)
เมื่อเปิดดูหน้าเว็บในมือถือ หรือ Tablet ขนาดต่าง ๆ ระบบก็จะทำการปรับสัดส่วนของเนื้อหาให้มีขนาดที่เหมาะสมกับหน้าจอนั้น ๆ ให้อัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องซูมหน้าจอ เข้า-ออก เพื่อดูเนื้อหาที่มีขนาดเล็ก และใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
และด้วยเทคโนโลยี และการออกแบบนี้เอง ถึงแม้ในอนาคตจะมีอุปกรณ์ใหม่ หน้าจอขนาดใหม่ออกมา เล็ก หรือใหญ่กว่าเดิม ก็ทำให้ผู้ใช้งานเว็บไม่ต้องกังวล ว่าจะใช้งานเว็บลำบาก เพราะระบบก็จะทำการตรวจสอบขนาดหน้าจอ และปรับขนาดให้เหมาะสมทันที
(ตัวอย่างหน้าจอที่ถูกออกแบบด้วย Responsive Design ทำให้แสดงผลกว้างขึ้น ดูเต็มตาขึ้นในหน้าจอ wide-screen ของจอคอมพ์ในปัจจุบัน)
(เมื่อเปิดดูด้วยอุปกรณ์ชนิดอื่น เช่น เทปเบล็ต ระบบก็จะปรับเปลี่ยนขนาดเนื้อหาให้เหมาะสมกับหน้าจอให้อัตโนมัติ)
สำหรับคนที่สนใจในเรื่องของการขายของออนไลน์ อาจจะสนใจในระบบนี้มากขึ้น เนื่องจากว่า ปัจจุบันนี้ อัตราการใช้งานเว็บผ่านมือถือ มีการเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด และ "google.com" (เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลรายใหญ่) ก็หันมาให้ความสนใจในเรื่องของการใช้งานเว็บบนมือถือมากขึ้น จึงทำให้ google มีการพัฒนาระบบการค้นหาใหม่
โดยถ้าหากว่า มีผู้ใช้งาน ค้นหาข้อมูลใน google ผ่านทาง Mobile Device (มือถือ/Tablet) google จะแสดงผลเว็บที่แสดงผลได้ดีบนมือถือ (หรือเว็บที่ออกแบบด้วย Responsive Design) ขึ้นมาแสดงผลในลำดับต้น ๆ ก่อน
เพื่อให้ผู้ใช้งานเว็บผ่านอุปกรณ์มือถือที่มีขนาดเล็ก สามารถเปิดดูข้อมูลได้สะดวกและใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น
ซึ่งสำหรับการค้าขาย หรือการแข่งขันบนโลกอินเทอร์เน็ตแล้วล่ะก็ สิ่งที่เราต้องให้ความสนใจ ก็คือ "การค้นหาข้อมูลผ่าน google" เนื่องจากผู้ที่ค้นหาข้อมูลนั้น ๆ อาจจะเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของร้านค้าออนไลน์ก็ได้
ดังนั้น Responsive Design จึงเป็นรูปแบบเว็บที่จะมีความสำคัญ และมีผลต่อผู้ใช้งานเว็บ ผู้ค้าออนไลน์ และการเข้าถึงข้อมูลในเ็ว็บได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต